
จุดเปลี่ยนอสังหาฯไทย: เมื่อโลกบีบให้ปรับตัว
การวิเคราะห์แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 (2025) ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย แต่ก็มีแนวโน้มการฟื้นตัวและเทรนด์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
ภาพรวมและแนวโน้มตลาด
- ความท้าทายที่ยังคงอยู่: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลักๆ ได้แก่
- กำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่: โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง ซึ่งยังคงเผชิญกับปัญหาหนี้สินครัวเรือนสูงและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงสูง โดยเฉพาะสำหรับที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท
- อุปทานล้นตลาด: ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังมีที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท
- ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น: จากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น
- สัญญาณการฟื้นตัว: แม้จะมีปัจจัยกดดัน แต่ก็มีสัญญาณเชิงบวกที่น่าจับตา
- นโยบายภาครัฐ: มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ เช่น การขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 เป็นต้นไป
- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน: ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง โดยเฉพาะในกลุ่มลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ยังคงเติบโตได้ดี โดยได้รับความสนใจจากทั้งผู้ซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ
- การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับโลก รวมถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตใหม่
เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตามอง
- เทคโนโลยีและนวัตกรรม (PropTech):
- Smart Home & Smart Living: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในบ้านเพื่อความสะดวกสบาย ประหยัดพลังงาน และเพิ่มความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมไฟ อุณหภูมิ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันมือถือ จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน
- การวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data & AI): ผู้ประกอบการจะใช้ข้อมูลและ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแม่นยำ
- ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม (ESG):
- Green Building: ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้โครงการที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียว (เช่น LEED, EDGE) หรือมีแนวคิด Net Zero Carbon Home ได้รับความสนใจมากขึ้น
- สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness): ที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้พักอาศัยจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น การออกแบบที่คำนึงถึงเรื่องอากาศ แสง เสียง รวมถึงการมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับออกกำลังกาย
- การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป:
- Multi-functional Space: การออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น เปลี่ยนจากห้องทำงานเป็นห้องออกกำลังกาย
- โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) และคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็ก: โครงการที่รวมที่อยู่อาศัย ร้านค้า และพื้นที่สำนักงานไว้ในที่เดียวกันยังคงเป็นที่นิยม เนื่องจากตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายของคนเมือง

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์
- เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม:
- ตลาดระดับลักซ์ชัวรี่: ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตสูง
- อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์: เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะร้านอาหาร คาเฟ่ และออฟฟิศขนาดเล็ก
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า: มีแนวโน้มเติบโตดี โดยเฉพาะในทำเลที่มีความต้องการสูง เช่น ใกล้สถานศึกษา หรือในเขตเมืองรองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- การลงทุนทางเลือก:
- อสังหาริมทรัพย์มือสอง: ตลาดบ้านและคอนโดมือสองยังคงมาแรง เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าโครงการใหม่
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund): เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
- การรีโนเวทบ้านเก่า: เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สิน
โดยสรุปแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 เป็นปีที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน แต่ก็มีโอกาสที่น่าสนใจซ่อนอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับบน ตลาดที่ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ๆ อย่างยั่งยืนและเทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
https://www.facebook.com/belle.bellelief | https://www.youtube.com/@belle.bellelief
https://bellelief.com/sell-land-bangkok/ , https://bellelief.com/sell-property-bangkok/