
เตรียมตัวกู้ซื้อบ้าน ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่?
เตรียมตัวกู้ซื้อบ้าน ต้องมีเงินเก็บเริ่มต้นเท่าไหร่? การมีบ้านเป็นของตัวเองคือความฝันอันดับต้นๆ ของใครหลายคน แต่เส้นทางสู่การเป็นเจ้าของบ้านนั้นต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินที่รัดกุม โดยเฉพาะ “เงินเก็บก้อนแรก” ที่ต้องเตรียมไว้ ซึ่งไม่ใช่แค่เงินดาวน์บ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่า ถ้าอยากจะกู้ซื้อบ้านสักหลัง ต้องมีเงินเก็บเริ่มต้นเท่าไหร่กันแน่
เงินก้อนที่ 1 : เงินดาวน์ (Down Payment) 10% – 20%
เงินดาวน์คือเงินก้อนแรกที่คุณต้องจ่ายให้กับผู้ขายหรือโครงการ เพื่อเป็นหลักประกันว่าคุณจะซื้อบ้านหลังนั้นจริงๆ โดยทั่วไปธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ประมาณ 80% – 95% ของราคาประเมินบ้าน นั่นหมายความว่าคุณต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้ประมาณ 10% – 20% ของราคาบ้าน
- ข้อดีของการดาวน์เยอะ:
- ยอดกู้ลดลง ทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนน้อยลง
- ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายตลอดสัญญาลดลง
- ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพราะมองว่าคุณมีความพร้อมทางการเงิน
ตัวอย่าง: บ้านราคา 3,000,000 บาท
- ดาวน์ 10%: ต้องเตรียมเงิน 300,000 บาท (ยื่นกู้ 2,700,000 บาท)
- ดาวน์ 20%: ต้องเตรียมเงิน 600,000 บาท (ยื่นกู้ 2,400,000 บาท)
เงินก้อนที่ 2 : ค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ (ประมาณ 2% – 5%)
นอกจากเงินดาวน์แล้ว วันที่สำคัญที่สุดคือ “วันโอนกรรมสิทธิ์” ณ กรมที่ดิน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายรายการที่คุณต้องเตรียมเงินสดไว้ให้พร้อม ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: 2% ของราคาประเมิน
- ปกติแล้วจะแบ่งจ่ายคนละครึ่ง (ผู้ซื้อ 1%, ผู้ขาย 1%) แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน หรืออาจมีมาตรการรัฐช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ ซึ่งต้องติดตามเป็นรายปี
- ค่าจดจำนอง: 1% ของยอดเงินกู้
- เป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กรมที่ดินเพื่อจดทะเบียนว่าบ้านหลังนี้ติดจำนองกับธนาคารที่คุณกู้เงินด้วย
- ค่าอากรแสตมป์ หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ:
- ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อขาย (ส่วนใหญ่ผู้ขายเป็นคนจ่าย)
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ: 3.3% ของราคาซื้อขาย (กรณีที่ผู้ขายถือกรรมสิทธิ์บ้านไม่ถึง 5 ปี ซึ่งปกติผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ควรตกลงกันให้ชัดเจน)
เงินก้อนที่ 3 : ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องเตรียม (Other Expenses)
ยังมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยแต่จำเป็นอีกหลายส่วนที่หลายคนมักลืมนึกถึง
- ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์: ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท (จ่ายให้ธนาคาร)
- ค่าประกันอัคคีภัย: เป็นประกันภาคบังคับที่ต้องทำเมื่อขอสินเชื่อบ้าน คุ้มครองความเสียหายจากเหตุไฟไหม้ เบี้ยประกันไม่สูงมากนัก
- ค่าประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA): ไม่บังคับ แต่ธนาคารมักแนะนำให้ทำ เพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินหากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
- ค่าตกแต่ง ต่อเติม และซื้อเฟอร์นิเจอร์: เป็นค่าใช้จ่ายที่บานปลายได้ง่ายที่สุด ควรตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะสำรองไว้ 5% – 10% ของราคาบ้าน
- เงินสำรองฉุกเฉิน: สำคัญมาก! ควรมีเงินสำรองเผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด หรือสำรองไว้สำหรับผ่อนบ้านอย่างน้อย 3-6 เดือน เผื่อกรณีตกงานหรือขาดรายได้
สรุป: ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่? (ตัวอย่างบ้านราคา 3 ล้านบาท)
ลองมาคำนวณกันดูว่า หากต้องการซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท โดยวางแผนดาวน์ 10% จะต้องเตรียมเงินสดก้อนแรกเท่าไหร่
- เงินดาวน์ (10%): 300,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมโอน (ผู้ซื้อจ่าย 1%): 30,000 บาท
- ค่าจดจำนอง (1% ของยอดกู้ 2.7 ล้าน): 27,000 บาท
- ค่าประเมินราคา (โดยประมาณ): 3,000 บาท
- ค่าประกันอัคคีภัย (โดยประมาณ): 2,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (เช่น มิเตอร์น้ำ-ไฟ): 10,000 บาท
รวมเงินสดที่ต้องเตรียมขั้นต่ำ ≈ 372,000 บาท
คำแนะนำ: เพื่อความปลอดภัยทางการเงิน ควรเตรียมเงินเก็บไว้ประมาณ 15% – 25% ของราคาบ้าน เพื่อให้ครอบคลุมทั้งเงินดาวน์ ค่าธรรมเนียมต่างๆ และมีเงินสำรองสำหรับตกแต่งและเหตุฉุกเฉิน
การวางแผนเก็บเงินตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ความฝันในการมีบ้านของคุณเป็นจริงได้อย่างราบรื่นและมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
https://www.facebook.com/belle.bellelief | https://www.youtube.com/@belle.bellelief