บ้านมือสอง มีเสน่ห์กว่าที่คิด
บ้านมือสอง มีเสน่ห์กว่าที่คิด! 7 ข้อดีที่ทำให้คุณต้องพิจารณา
การมี “บ้าน” เป็นของตัวเอง คือความฝันอันดับต้นๆ ของใครหลายคน และบ่อยครั้งที่สายตาของเรามักจะพุ่งตรงไปที่ “บ้านใหม่” หรือ “บ้านมือหนึ่ง” จากโครงการต่างๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย การการันตีจากผู้พัฒนา และความรู้สึกของการได้เป็น “คนแรก” ที่ได้ครอบครอง
แต่ในความเป็นจริง “บ้านมือสอง” กลับมีเสน่ห์และข้อได้เปรียบที่ซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งมักจะถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ในยุคที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ใหม่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำเลดีๆ เริ่มหายากขึ้นทุกที การหันมาพิจารณาบ้านมือสองอาจเป็น “คำตอบที่ใช่” และ “คุ้มค่า” ที่สุดสำหรับคุณ บทความนี้จะพาคุณไปค้นพบ 7 ข้อดีของบ้านมือสอง ที่จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิด
7 ข้อดีของ “บ้านมือสอง” ที่คุณอาจไม่เคยรู้
1. ทำเลที่ตั้ง (Location) คือราชา นี่คือข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุดของบ้านมือสอง ส่วนใหญ่บ้านเหล่านี้มักตั้งอยู่ในทำเล “ชุมชนดั้งเดิม” หรือ “ย่านใจกลางเมือง” ที่มีความเจริญอยู่แล้ว ลองนึกถึงทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือแหล่งงาน ซึ่งหาได้ยากมากในโครงการบ้านใหม่ที่มักจะขยับขยายไปอยู่แถบชานเมืองมากขึ้น การได้บ้านในทำเลที่ดีไม่เพียงแต่สะดวกสบายในการใช้ชีวิต แต่ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
2. ราคาที่จับต้องได้ และคุ้มค่ากว่า เมื่อเปรียบเทียบกันในทำเลเดียวกัน บ้านมือสองมักจะมีราคาที่ต่ำกว่าบ้านมือหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าในงบประมาณที่เท่ากัน คุณอาจได้บ้านที่มีขนาดใหญ่กว่า หรืออยู่ในทำเลที่ดีกว่า นอกจากนี้ ส่วนต่างของราคาที่ประหยัดได้ ยังสามารถนำไปใช้เป็นงบประมาณในการรีโนเวท หรือตกแต่งบ้านในสไตล์ที่คุณต้องการได้อย่างเต็มที่
3. พื้นที่ใช้สอยและขนาดที่ดินที่มากกว่า บ้านที่สร้างในยุคก่อน มักจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และขนาดของที่ดินที่กว้างขวางกว่าโครงการในปัจจุบัน คุณมักจะได้พื้นที่สวนรอบบ้าน พื้นที่จอดรถที่เพียงพอ หรือห้องต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า เมื่อเทียบกับบ้านใหม่ในราคาเดียวกันที่มักจะถูกจำกัดด้วยต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้น นี่คือข้อดีที่ตอบโจทย์ครอบครัวขยาย หรือคนที่ต้องการพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน
4. เห็นของจริง ตรวจสอบได้จริง (What You See Is What You Get) การซื้อบ้านมือสองคือการซื้อ “ของจริง” ไม่ใช่การซื้อจากบ้านตัวอย่างหรือโบรชัวร์ คุณสามารถเดินสำรวจตัวบ้านจริง โครงสร้างจริง สัมผัสบรรยากาศจริง เห็นสภาพแวดล้อมจริง และที่สำคัญคือ “เพื่อนบ้าน” คุณสามารถตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การทรุดตัว รอยร้าว หรือปัญหาน้ำรั่ว (ถ้ามี) ได้ทันที ทำให้คุณประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้ก่อนตัดสินใจซื้อ ลดความเสี่ยงจากสิ่งที่มองไม่เห็น
5. พร้อมเข้าอยู่ หรือ รีโนเวทได้ตามใจ บ้านมือสองมีหลายสภาพ หากคุณเจอบ้านที่เจ้าของเดิมดูแลมาอย่างดี คุณอาจเพียงแค่ทาสีใหม่และทำความสะอาดเล็กน้อยก็สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ประหยัดเวลาในการรอการก่อสร้าง แต่หากคุณเป็นสายครีเอทีฟ การได้บ้านมือสองมา “รีโนเวท” ใหม่ทั้งหมด ถือเป็นความท้าทายที่สนุก คุณสามารถออกแบบและเนรมิตบ้านเก่าให้กลายเป็นบ้านในฝันที่สะท้อนตัวตนของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
6. สภาพแวดล้อมและสาธารณูปโภคที่ครบครัน การซื้อบ้านในโครงการที่สร้างมานานแล้ว (Established Community) หมายความว่าคุณจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ “โตเต็มที่” แล้ว มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ถนนหนทางที่เข้าที่ สังคมเพื่อนบ้านที่อยู่อาศัยกันจริง (ไม่ใช่หมู่บ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ) รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชนที่เปิดให้บริการครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องรอการพัฒนาในอนาคต
7. โอกาสในการต่อรองราคา ต่างจากการซื้อบ้านใหม่จากโครงการที่มักจะมี “ราคามาตรฐาน” และส่วนลดโปรโมชั่นที่ค่อนข้างตายตัว การซื้อบ้านมือสองเป็นการเจรจาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย (หรือผ่านนายหน้า) ซึ่งมักจะมีพื้นที่ในการ “ต่อรองราคา” ที่ยืดหยุ่นกว่า หากคุณเจรจาเป็น และรู้จุดที่ต้องซ่อมแซม คุณอาจได้บ้านในราคาที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
บ้านมือสองไม่ได้หมายความว่า “เก่า” หรือ “มีปัญหา” เสมอไป แต่เต็มไปด้วย “เสน่ห์” และ “โอกาส” ที่รอให้คุณมาค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่หาไม่ได้อีกแล้ว ราคาที่คุ้มค่า หรือพื้นที่ที่กว้างขวางกว่า
แน่นอนว่า การซื้อบ้านมือสองอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดและเตรียมงบประมาณสำหรับการซ่อมแซมบ้าง แต่เมื่อเทียบกับข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมา มันคือตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับคนที่มองหาความคุ้มค่าและความเป็นตัวตน อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเองไว้แค่บ้านใหม่ ลองเปิดใจ แล้วคุณอาจจะเจอบ้านมือสองที่เป็น “รักแท้” ของคุณก็เป็นได้
https://www.facebook.com/belle.bellelief | https://www.youtube.com/@belle.bellelief